เข้าสู่ part wine tasting กันเถอะ ไวน์ที่เทสต์วันนี้ เป็นแดง 5 ตัวขาว 1 ตัว ความน่าสนใจคือ แต่ละตัวมี อาหารมาให้ลอง paring ด้วย ซึ่งเชฟ คือ สุภาพสตรี 3 ท่าน ทำคนละ 2 เมนู เป็น 6 เมนู
Dohri ไวน์เมกเกอร์ (ผมไม่เคยดื่มไวน์ และ อาหาร ที่รังสรรค์ ด้วยคนๆเดียวกันมาก่อน เป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจมากครับ)
คุณเบญจวรรณ แห่ง Fin – Fabulous is Needed
เชฟส้ม จากร้าน Karmakamet Diner
Wine #1 2016 Rote Erde Merlot, Dorli Muhr-Van der Niepoort, Carnumtum
เกิดมายังไม่เคยดื่มไวน์ Merlot จากออสเตรียมาก่อนเลย
ผลิตแค่ 3,000 ขวดต่อปี ใช้โอ๊คเก่า ถังใหญ่ (เพราะ ไม่อยากได้ influence จากโอ๊คเยอะเกินไป)ใช้ Natural ยีสต์ในการหมัก ที่น่าสนใจคือ เสริฟมาในแก้วทรง Burgundy ของ Lucraris น่าจะรุ่น Desire Elegant Red (ผมเคยลองทดสอบเอา Merlot หลายๆตัวมาลอง ใส่แก้วทรง Burgundy มันไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ alc พุ่งพรวด Fruit กระจัดกระจายเกินไป ไว้จะเขียนเต็มๆเรื่อง แก้วไวน์อีกทีเด้อ ยาววววว) Dohri เลือกทรงนี้ เพราะมองว่า Merlot ตัวนี้มัน Elegant จริงๆ ไม่เข้ม ไม่หนัก โอ๊คมีพอเป็นโครง
ว่ากันเรื่อง Aroma ก่อน พอลอง ดมๆ แบบยังไม่แกว่งแก้ว ก็เออๆ พอเข้าใจว่าทำไมใช้ทรงแก้วนี้ เค้าทำ Merlot ออกมาแนว fresh มาก กลิ่น fruit นี่ออกมาแนว pure freshโทนออกผลไม้แดงดำ ไม่สุกมาก แอลกอฮอล์ไม่พุ่ง ไม่ผ่าวร้อน ส่วนในปากนี่ ออก full bodied กว่าที่คิด แทนนิน แน่นหนึบ รวมๆเป็น Merlot ที่แนวดีครับ ต้องเปิดใจกับมันนิดนึง
Paring กับ แกงมัสมั่น จากคุณเบน เป็น แพริ่ง ที่น่าสนใจดีครับ ปรกติ Merlot (โดยเฉพาะโลกใหม่) ผมว่ามันไม่ค่อยไปกับอาหารไทยที่มี รสเผ็ดเท่าไหร่ แต่ Merlot ตัวพากันไปได้ แทนนินไม่สูงมาก alc ที่ไม่ผ่าวร้อนจนเกินไป โทนของผลไม้ที่ออก freshly ช่วยตัดความเผ็ดได้ดี ออกมากลมๆดีครับ
Wine #2 2015 Cuvee Vom Berg, Dorli Muhr-Van der Niepoort, Carnumtum
ไวน์แนว อีกแร้วว เป็น องุ่น Blaufrankisch 2/3 blend กับ Syrah 1/3 (ไม่ค่อยเห็นใครเอามา blend กันเท่าไหร่)
ปี 2015 เป็นปีที่ Hot & Dry ของ เขต Carnumtum ทำให้ผลองุ่นสุกกว่าปีอื่นๆ alc จะสูง
ว่ากันด้วยกลิ่น เจอผลไม้สุก ทั้งดำและแดง เครื่องเทศเย็นๆ พริกไทยลอย ไม่ค่อยเจอ กลิ่น meaty ของ Syrah เท่าไหร่ ในปากก็คอนเฟิร์มตามกลิ่นเลยเรื่องผลไม้ แทนนินนี่ silky ดีครับ Dohri บอกว่าเวลาเรานึกถึง Silky tannin ให้นึกถึงผ้าไหม ซึ่งโดยตัวเนื้อผ้ามัน dense มันแน่น แต่เวลาเราสัมผัส มันจะนุ่ม แทนนินของไวน์ตัวนี้ก็ตามนี้เลยครับ แน่น และ นุ่ม ไม่หยาบ ดื่มสนุกดีครับ finish จบยาวพอสมควร
ตัวนี้ paring กับ ขนมจีน แกงกะหรี่ และทอดมัน (จานนี้โดย เชฟส้ม) เออ น่าสนใจอีกแล้ว เชฟให้เหตุผลว่า ไวน์ ทื Silky tannin มันไปกับอาหารเผ็ดได้ ซึ่งอันนี้ผมก็เห็นด้วยนะครับ เคยลองไวน์ที่ tannin หนาๆ กับอาหารเผ็ดนี่ ก็ไปไม่รอดจริงๆ ผมรู้สึกว่าอาหารมันขมขึ้น และไม่สดชื่น แต่ไวน์นี้พาอาหารไปรอด spice tone ของไวน์ ไปกับอาหารได้เลย สามารถดื่ม ไปกับอาหารไทยได้เรื่อยๆ สวยๆ
Wine #3 2016 Samt & Seide, Dorli Muhr-Van der Niepoort, Carnumtum
เริ่มเข้าสู่ ไวน์ที่เป็น Blaufrankisch 100% แร้ว ตื่นเต้นๆ
ไวน์ตัวนี้ทำจากองุ่นอายุ 30 ปีขึ้นไป สำหรับผมตัวนี้ผมชอบมากกๆ ด้วยส่วนตัวเป็นคนชอบไวน์แดงจาก Burgundy มากๆๆๆๆ ไวน์นี้ผมว่าอารมณ์มาแนวเดียวกันเลย Samt & Seide หมายความว่า Velvet & Silk ไวน์มันก็ตามนั้นจริงๆครับ tannin มันพลิ้ว และ นุ่มดีจริงๆ ดื่มเพลินเลย (ตัวนี้ตอน tasting นี่ลืมตัวดื่มพรวดเกือบไม่เหลือไว้ ลอง paring เลย)
กลิ่นดีมาก elegant, floral , pure fruit มีพวก forest floor จางๆ ผลไม้ออกดำๆ พวก black currant จบด้วย mineral ไหลยาวๆ ไปชุ่มคอด้วยพวก herb เย็นๆ หลังกลืนไปแล้วสูดลมหายใจลึกๆ เจอพวก floral ต่อยาวววว สวยมากครับตัวนี้ ผมชอบมากก รีบเชคกับทาง Fine Wine เห็นว่าเหลือแค่ 18 ขวด ไปสอยกันเถอะพวกเรา ผมมองว่าไวน์ตัวนี้ไปวัดกับพวก Burgundy ระดับ Village ได้เลยนะ เอาจริงๆ
ส่วนแพริ่ง ตัวนี้ Dohri ลงมือทำ Pate ไก่ ตัดความมันด้วยเปลือกส้มหอมสดชื่น และ Coriander ไปกับไวน์ได้สวยๆครับ ไวน์ acid สูงอย่าง Blaufrankisch นี่มัน เกิดมา pair กับอาหารได้ดีจริงๆ อาหารที่ creamy อย่าง pate นี่เสร็จเลย ตัดความมันได้สบาย พลิ้วเลย
Wine #4 2015 Liebkin, Dorli Muhr-Van der Niepoort, Carnumtum
ตัวนี้ก็ Blaufrankisch 100% Liebkin หมายถึง เด็กที่ต้องได้รับการเอาใจใส่ เพราะตัวนี้ทำจาก องุ่นที่อายุยังน้อย ซึ่งลักษณะขององุ่นอายุน้อยคือ roundness (อันนี้จะเป็น mouthfeel ครับ ความกลมเวลาอยู่ในปาก) power แต่จะ short finish ตัวนี้ผมว่า power/structure มี fruit ที่เข้าถึงง่าย ฟรุตฉ่ำ acid จี๊ดจ๊าด ดื่มง่าย จบในคอด้วยพวกสมุนไพรเย็นๆ ชุ่มคอ ตัวนี้ แพริ่งกับ Roasted Beef Pesto ฝีมือ ของ Dohri ไปกันได้อยู่ครับ ฟรุตที่เข้าถึงง่ายของไวน์เหมือนเราเพิ่มพวกซอส Berry ไปให้แกะ ละก็ acid ของไวน์ช่วยตัดความมันของแกะได้ดีเลย
Wine #5 2015 Ried Spitzerberg, Dorli Muhr-Van der Niepoort, Carnumtum
ไวน์ตัวท๊อปของ Dohri คำว่า Ried หมายถึง Cru หรือชื่อ Vineyard นั่นเอง ซึ่ง เขต Spitzerberg นั้นได้ classified เป็น Erste Lagen (Premier Cru) ในปี 2017
ทำจากแปลงที่องุ่นอายุเยอะที่สุด (45-65 ปี) 30% ขององุ่นใช้วิธีคั้นด้วยเท้าเหยียบ แต่ละปี ผลิตเพียง 2,500 ขวดเท่านั้น
ไวน์ตัวนี้ตัวนี้ดื่มแล้วต้องจินตนาการตามครับ ว่าในอนาคตมันจะเป็นเช่นไร เพราะสำหรับ vintage 2015 ยังไม่เปิดเผยตัวให้เรามากเท่าไหร่ ถ้าจะให้พร้อมดื่มจริงๆ นักวิจารณ์ไวน์ จากสำนัก Wine Enthusiast Anne Krebiehl MW มองว่าน่าจะพร้อมดื่มก็นู่น 2022-2035 aging potential ยาวใช้ได้ เป็นไวน์ที่ซื้อเก็บไว้ก่อนเด้อ ความเห็นผมก็ว่าไวน์มัน ยังแข็งอยู่เลย แต่ดูแล้วมีแววรุ่งแน่ๆ ฟรุตยังไม่ค่อยเผยตัวเท่าไหร่ โครงสร้างไวน์แข็งมาก aroma ที่พอจะจับได้ก็ floral แบบ deep ผลไม้ยังออกทึบๆหน่อย ออกผลไม้ดำ เป็นหลัก มีแดงแบบ cherry แซมหน่อย ในปากนี่ใครชอบพวกไวน์สาย structure แทนนิน หนึบๆ นี่โดนแน่นอน จบด้วยหอมทุ่งดอกไม้ยาวๆๆ ในคอ น่าสนใจมากครับ
ไวน์ตัวนี้แพริ่งกับ Lamb Siena spice blend & coriander chutney ฝีมือเชฟส้ม ความซับซ้อนของไวน์และ อาหารไปกันได้ดีเลยครับ เลเยอร์ของรสชาต ไวน์ และ อาหารพอกันทั้งคู่
**โดยส่วนตัวผมชอบตัว Sam & Seide ที่สุด พร้อมดื่มแล้ว ราคาน่าคบหามาก ใครจะสอยรีบเลยครับมันเหลือน้อยมาก ส่วนตัว Ried Spitzerberg นี่ซื้อเก็บไว้ไม่น่าผิดหวัง (ใครสอยไปแล้วปี 2022 โทรหาผมด้วยนะครับจะไปชิมด้วย อิๆ)
ลาไปก่อนนะครับ เขียนยาวเลยโพสต์นี้
