ว้ันพุธ ที่จะถึงนี้ 27 พย. จะมีงานไวน์ประจำปี ที่เรียกได้ว่าใหญ่สุดในไทยงานนึงเลยครับ .”Great Wine of Italy Bangkok 2019″ ซึ่งจัดโดย ลุง James Suckling หนึ่งใน นักวิจารณ์ไวน์ที่มีชื่อเสียงสุดในโลก โดยในเอเชีย ปีนี้มีจัด ที่ ภูเก็ตวันที่ 23 Nov กทม 27 Nov ฮ่องกง 29 Nov และ ปักกิ่ง 2 Dec

เขียนถึงลุง James ซักกะนี้ดนึง ว่าแกเป็นใครมาจากไหน James Suckling เป็น คนอเมริกัน แกจบด้าน รัฐศาสตร์ และ วารสารศาสตร์ จาก มหาลัย Utah และ Wisconsin ตามลำดับ ไปทำงาน หนังสือพิมพ์ เขียนคอลัมภ์ ข่าวอาชญากรรม เอ้อออออ
และแล้วโชคชะตาก็พาแกเข้าสู่โลกของไวน์ (จากแรงบับดาลใจจากคุณพ่อ) แกไปเริ่มงานกับ นิตยสาร Wine Spectator ตั้งแต่ 1981 นู่นน ยาวมาจนถึงปี 2010 แกก็ออกมาทำของแกเอง ช่วงที่แก อยุ่กับ Wine Spectator แกชิมไวน์ ปีละ 4,000 ฉลาก!!!!!! แม่เจ้า เฉลี่ยตกวันละ 125 ฉลาก (น่าสงสารลิ้นแกเหลือเกิน เหนื่อยแทน ) James สนใจในไวน์จาก Bordeaux และ Italy เป็นพิเศษ โดยความคลั้งไคล้ในไวน์ อิตาลี นี่ทำให้แกถึงกับย้ายไปอยู่ Tuscany ซะเลย ไล่ชิมจาก Cellar กับ Winery มันเลยดีกว่า

วิธีการให้แต้มของ James คือ เต็ม 100 points
95 – 100 นี่ A+ ชาตินี้ต้องหามาดื่มให้ได้
90 – 94 นี่ A ยอดเยี่ยม
88 – 89 นี่โอเค ดื่มได้ ซื้อได้แต่ระวังหน่อย
น้อยกว่า 88 นี่ไม่ควรสรรหา มาให้เจ็บกระเป๋าตังค์
ทีนี้ สำหรับ ผมโดยส่วนตัว แล้ว เรื่องความอร่อย นี่มันก็ปัจเจก ครับ ลิ้นใครลิ้นมัน (ก่อนอื่นเราต้องแยกระหว่าง ไวน์ดี กับ ไวน์เสีย ก่อนนะ แล้วค่อยมาคุยกันเรื่อง ไวน์ดี ไวน์อร่อย ไวน์แพง ไม่แพง)
เปรียบเหมือน เชลชวนชิม, แม่ช้อยนางรำ, Michelin ไม่มีทางที่ทุกคนจะเห็นด้วยกัน หมด เช่น ร้านได้ Michelin 3 ดาวจะอร่อยสำหรับคนทั้งโลก มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ที่สำคัญที่สุดคือ เราจะต้อง เข้าใจ “ลิ้น” ของกรรมการ หรือ คนให้แต้ม ซะก่อน ว่าจริต เขาเป็นแบบไหนชอบอะไรไม่ชอบอะไร นักวิจารณ์ไวน์ แต่ละคนก็ชอบ ไวน์หลาก สไตล์ มีวิธีที่ให้แต้มแตกต่าง กัน เราต้องรู้ก่อนว่า ลิ้น เราเอง ใกล้เคียง กับนักวิจารณ์คนไหนก่อน เป็นดี ทีนี้ถ้าเราดื่มตามนักวิจารณ์ จะกินแต่ตัว 100 แต้ม ก็ทำใจครับ แต้มสูง ก็แพงครับ 5555
ไหนๆ เกริ่นมาซะเยอะ ผมว่าจะเขียน Tips สำหรับ มือใหม่ไม่เคยไปงาน Wine Tasting ให้ละกันครับ มาจากประสบการณ์ตัวเองล้วนๆ

ก่อนอื่นเลย ถามก่อนว่าวัตถุประสงค์ การไปงานเราคืออะหยัง
1. เน้นสนุก เน้นเมา เฮฮา กับเพื่อนๆ
2. ไปหา คอนเนคชั่น ทางธุรกิจ ทางสังคม
3. ไปหา ไวน์ เข้า list หรือ ไปหา ไร่ไวน์ที่เขายังไม่มีผุ้นำเข้า
4. อยู่ใน ธุรกิจบริการไวน์ โรงแรม ร้านอาหาร
ถ้าอยู่ใน กลุ่ม 1 กับ 2 ก็ไม่ซีเรียส ครับถือเป็นงานที่คุ้มอยู่นะ จ่ายบัตร 1,699 ได้ชิมไวน์ 200 กว่าตัว เมาแบบมีคุณภาพ
แต่ถ้าคุณอยู่ในกลุ่ม 3-4 มันต้องไปงานนี้ แบบคุณภาพ คือต้องได้อะไรกลับมาหน่อย ผมมีข้อคิดให้สำหรับ มือใหม่ ตามนี้ครับ
1. เตรียมตัวให้ดี ในแง่สุขภาพ ไม่แฮงค์ไปงาน / จะให้ดีก็งดกินของรสจัดในวันนั้น / ก่อนเข้างานนี่ ชา กาแฟ ก็ควรเว้นไป / อันนี้สำคัญเป็นกติกา มารยาท คืองดใส่เครื่องหอม น้ำหอมทุกประเภทเข้างาน ครับ
2. ทำการบ้านไปก่อนงาน ตอนนี้ทุกคนคงได้ Email ตัว Guidebook 2019 เรียบร้อยแล้วสำหรับ ไวน์ทีใช้ในงานทั้งหมด (เค้าจะเรียงตาม อักษร A- Z ) แต่ละเจ้าก็จะเอา ไวน์มา 1 ฉลาก บ้าง 2 ฉลากบ้าง โดยหลังชื่อไวน์ ก็มีแต้ม ให้เราดุ (ตามในรูป)

ทีนี้ ไวน์ในงานมันมี 200 กว่าตัว ซึ่งแทบไม่มีใครได้เทสต์ครบแน่นอน (ผมเคยพยายามอัดเต็มที่ 60 ตัวนี่จอดละครับ) ผมเลยอยากให้ ทำ list ของเราเองว่าอยากเทสต์อะไรบ้าง (ตามเหตุผลของแต่ละท่านเอง เช่นบางคนอยากเทสต์ แต่ตัว 97 ไปถึง 100 points อันนี้แล้วแต่เลย)
ตัวผมเองจะแบ่ง ไวน์ที่อยาก เทสต์เป็น 3 Tier
A – ไวน์ที่อยากเทสต์มากๆ ไม่อยากพลาด
B – ไวน์สนใจรองลงมา ถ้าเก็บ A ครบค่อยพุ่งไปเทสต์
C – ไวน์ที่ถ้าเวลา เราเหลือ ลิ้นเรายังไหว ก็ค่อยไปลอง
3. ไปถึงงานก่อนเวลาหน่อย ปีนี้ขายบัตรหมดตามเคย คนเยอะแน่นอน ตามข้อ 2 เราจดเลขที่บูธ เอาไว้จะได้แพลนวิธีเดินง่ายๆ ก่อนเข้างานก็ไปเชค แผนผังงาน กับ แพลนของเราอีกที จะได้วางแผนการเดินของเรา อย่าลืมว่าเวลา 3 ชั่วโมงมันจะผ่านไปเร็วมากๆๆ
ละจำไว้เลย คนมันแห่กัน ไปบูธ ที่มีไวน์100 แต้มกันก่อนเลย พวกไวน์ดีๆ นี่ งานเริ่มไป ชั่วโมงกว่าๆ บางทีหมดละ บูธที่โล่งๆ คือไวน์ที่ยังไม่ค่อยมีใครรุ้จัก บางทีเราก็เจอช้างเผือกครับ อย่าไปดูแคลนเขา
4. วางแผนการรักษา กับ ยืนระยะ ลิ้น ของเราให้ดี ไวน์อิตาลี acid มันสูงมาก บางคน taste ไปมาลิ้นแตกก็มี หรือไปอัดพวก tannin เยอะๆ Barolo , Brunello เจอ แทนนิน ทะลุโลก จนลิ้นเราไม่รับรู้อะไรก็มี
เพราะฉะนั้น เราต้อง balance ลิ้นเรา ดีๆ สิ่งที่ช่วยเราได้คือ
4.1 “บ้วน” ใช่ละครับ มีถังบ้วน อยู่ทุก สถานี ไม่ต้องกลัวว่า เจ้าของไวน์จะเสียใจ น้อยใจ หรือมาดุเรา บ้วนได้บ้วนไปเลยครับ ดมให้พอใจ กลั้วๆ ปาก ละบ้วนไปได้เลยครับ ไม่ต้องคิดมาก ข้อดีคือ เราจะยืนระยะได้นาน ไม่เมา สติครบถ้วน จด note ได้
4.2 ขนมปัง ชีส พวกนี้ช่วยเราได้ครับ ช่วยปรับ balance ในปากเราได้โดยเฉพาะเวลา ไปเจอไวน์หนักๆ tannin เยอะๆ หรือ acid สูงมากๆ
4.3 ไล่ลำดับของไวน์ ที่เราจะเทสต์ เช่น ถ้าต้อง เทสต์พวก tannin มหากาฬ อย่าง Barolo,Brunello อย่าไปอัดรัวต่อเนื่อง ยาวๆ เกิน ลิ้นชาแน่นอนน หรือการไล่ดื่มไวน์พริ้ว สลับไวน์เข้มๆ หนักๆ ได้ก็ดีครับ
4.4 สลับไปดื่ม sparkling หรือ ไวน์ขาว หรือ ไวน์ acid สูงๆ มันช่วยเรือง refresh ต่อมรับรู้รสเราได้ครับ
5. พยายามจด tasting note ของเราเอง ผมลองละว่าเอาสมุดโน๊ตไปจดไม่เคย work เลย เพราะในงานมันวุ่นวายมาก ไหนจะถือแก้ว ไหนจะถือจานของกิน ไหนจะถือสมุด สุดท้ายเลย ใช้โทรศัพท์อะแหละ ถ่ายฉลากละจดnote เพิ่มเอา พยายามทำคืนนั้นเลย อย่าไปคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยทำ ยังจำได้อยู่ กลับบ้านละลืมหมดแน่นอน 5555
6. งานแบบนี้เจอคนหลากหลายประเภทมากครับ กูรูไวน์ เทพไวน์ คนมาเมา คนเรื้อนๆ ก็พยายามหลีกเลียงคน toxic ครับ จำไว้ว่าเวลาเรามีน้อย อย่าเอาเวลาไปเสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง สำหรับผมได้เพื่อนใหม่ๆ จากงานนี้ทุกปีเลย
เจอกันในงานครับ ทักทายกันได้เด้อครับ